บทที่ 860 - ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อวี้เหอเดินทางกลับสู่เมืองร้อยไมล์
อาจเป็นเพราะตัวตนที่ไม่เหมือนใครของซุนเหยียนจึงทำให้ชิงสุ่ยสามารถรับรู้ได้ว่าซุนเหยียนจะต้องอยู่ในระดับที่เท่าเทียมกับตงเหยียน
อย่างไรก็ตามหากต้องต่อสู้กันแบบตัวต่อตัวมันก็คงยากที่จะสามารถบอกว่าใครเป็นผู้ชนะได้ เพราะทุกคนล้วนมีเคล็ดวิชาที่ต่างกัน แต่ถึงอย่างไรซะ ชิงสุ่ยก็มั่นใจว่าเขาเองก็สามารถชนะทั้งสองคนได้ เพราะตัวของเขาเองนั้นมีอสูรอัสนีที่เอาไว้ต่อกรผู้แข็งแกร่ง
ในแง่พลังการรับรู้ทางจิตวิญญาณ ชิงสุ่ยเองยังไม่กล้าเอาไปเปรียบเทียบกับผู้ฝึกตนระดับปราณจักรพรรดิที่เขาเคยเจอ แต่ก็คงมีผู้ฝึกตนระดับกลางจักรพรรดิไม่มากนักที่จะสามารถรวมเขาได้ ตราบใดที่จิตวิญญาณของเขายังไม่ถูกสกัดกั้น เขาก็ยังคงสามารถซื้อได้ และถ้าหากพวกเขาไม่สามารถสกัดกั้นจิตวิญญาณของชิงสุ่ย คนเหล่านั้นก็จะอยู่ในภาวะเสี่ยงตาย
" ไปที่เมืองหลวงกันเถอะ"หลังจากคิดบางอย่าง ตงเหยียนก็กล่าวกับชิงสุ่ยและซุนเหยียน
ชิงสุ่ยพยักหน้ายิ้ม เพราะความตั้งใจของเขานั้นก็คือการไปยังเมืองหลวงหลักและค่อยตามหาวิธีการไปถึงหุบเขาทะลวงนภา
"มาเถิด แล้วเดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกันระหว่างทาง"ตงเหยียนยิ้มหลังจากเรียกสัตว์อสูรของเขาออกมา ซึ่งมันถูกขนานนามว่าพยัคฆ์ปักษาเนตรทองคำ สัตว์อสูรเวหาดวงตาสีทองส่วนหัวเป็นพยัคฆ์ส่วนลำตัวเป็นพญาเหยี่ยว
ทั้งสามคนกระโดดขึ้นไปและยืนอยู่บนหลังของพยัคฆ์ปักษาเนตรทองคำเพิ่มบินต่อไปยังเมืองหลวง
"น้องสอง เจ้ามีความอาฆาตแค้นอะไรกับตระกูลหลิงฮู?"ตงเหยียนถามด้วยความสงสัย
"พี่ใหญ่ทำไมถึงกล่าวเช่นนั้น?"ซุนเหยียนถามด้วยความสงสัย
สิ่งที่ซุนเหยียนถามกลับมาเป็นเพราะดูเหมือนว่าตงเหยียนจะสามารถบอกได้ว่าเขาได้ดูดกลืนพลังจากดวงใจอัญมณีดำ
"ข้าสามารถรับรู้ได้ถึงมัน แต่ข้าก็ไม่มั่นใจหนัก ซึ่งถ้าเจ้าปฏิเสธข้าก็จะเชื่อเช่นนั้น"ตงเหยียนยิ้มและกล่าวตอบ
ชิงสุ่ยก็ไม่ได้คาดหวังว่าตงเหยียนจะถามคำถามที่เขากำลังจะเอ่ยปากถาม เขาทำได้เพียงแค่ยิ้มและจ้องมองคำตอบของซุนเหยียน "ดูเหมือนว่าน้องสามของเรา ก็คงจะรับรู้ได้เช่นกันสินะ คนที่สามารถรับรู้ได้ถึงมันเช่นนี้จะต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์อย่างมาก และดูเหมือนว่ามันจะนำพาพวกเรามาเจอกัน"ซุนเหยียนยิ้มราวกับว่าเขากำลังมีความสุข
"ถูกต้อง วันนี้ช่างเป็นวันที่แสนสุขจริงๆ "ตงเหยียนระเบิดเสียงหัวเราะขณะกล่าว
"พี่ใหญ่เองก็ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลราชวงศ์ตงฟังสินะ?"ชิงสุ่ยเอ่ยถาม
" การดำเนินธุรกิจของตระกูลตงฟังจำเป็นต้องพึ่งพาการช่วยเหลือจากตระกูลตง พวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันมากนัก แต่มันก็คงจะเกิดจากผลประโยชน์ร่วมกันมากกว่า"ตงเหยียนกล่าวตอบ
"พวกคนจากตระกูลหลิงฮูชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่าและหวาดกลัวคนที่แข็งแกร่งกว่า ข้าเคยเห็นนายน้อยแห่งตระกูลหลิงฮูมักจะทำร้ายคนชราและมักจะฉกฉวยหญิงสาวจากผู้อื่น ส่วนเหล่าผู้คนจากตระกูลราชวงศ์ตงฟังเองก็ไม่ได้ดีไปกว่านั้นเลย พวกมันเสแสร้งว่าดูดีเพื่อให้ทุกคนนับถือ ดังนั้น ข้าจึงต้องการสร้างความบาดหมางระหว่างสองตระกูลให้มากยิ่งขึ้น มันคงจะดีกว่านี้ถ้ามันจะจบลงด้วยการต่อสู้"ซุนเหยียนยิ้มและกล่าวตอบ
"ฮ่าๆๆ ข้ารู้ดีว่าตระกูลตงฟังกำลังทำอะไรอยู่ มันก็เป็นดั่งสิ่งที่น้องสองได้กล่าวไว้ ข้าเองก็ไม่ได้ประทับใจพวกมันมากนัก แม้ว่ามันจะปฏิบัติต่อค่าอย่างดี และข้าก็เกลียดคนเช่นนี้มาก แต่ข้าก็คงไม่สามารถทำอะไรได้"ตงเหยียนยิ้มตอบ
"ถูกต้อง ว่าแต่น้องสาม เหตุใดเจ้าจึงเดินทางมายังมหาทวีปราชันย์เหนือฟ้าแห่งนี้ และมาจากมหาทวีปเมฆามรกตด้วยตัวคนเดียว? บอกพวกเราได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร"ตงเหยียนยิ้มและจ้องมองชิงสุ่ยขณะถาม
"ข้ามาที่นี่เพื่อตามหา หญ้าทะลวงสวรรค์ 5000 ปีหรือมากกว่านั้น"ชิงสุ่ยยิ้มและตอบกลับ
"หญ้าทะลวงสวรรค์? นั่นคือขุมทรัพย์ล้ำค่าแสนหายาก แม้แต่ตระกูลตงที่ครอบครองขุมทรัพย์แสนลึกลับมากมายเองก็ยังปราศจากหญ้าทะลวงสวรรค์"ตงเหยียนตกตะลึงในขณะที่เขาพูดกับชิงสุ่ย
"ข้ารู้ดี ว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่หายากยิ่ง ข้าได้ยินมาว่ามันมีโอกาสที่จะพบได้ภายในหุบเขาทะลวงนภาในชั้นที่สูงมากๆ"ชิงสุ่ยกล่าวหลังจากคิดเล็กน้อย เขารู้ว่าการที่เขาบอกคนเหล่านี้ย่อมไม่ทำให้เกิดปัญหา
"อืมมม หุบเขาทะลวงนภาถือว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่อันตรายที่สุดในมหาทวีปราชันย์เหนือฟ้า มันคือสถานที่ที่เต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าแห่งสวรรค์ และเป็นโลกที่รวบรวมสัตว์อสูรกลายพันธ์ที่แสนโหดร้าย และดูเหมือน 80% ของหญ้าทะลวงสวรรค์จะก่อกำเนิดมาจากหุบเขาทะลวงนภา"ตงเหยียนกล่าวบอกเล่าเรื่องราวต่อชิงสุ่ย
"ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ยอดเยี่ยม เพราะข้าเองก็กังวลว่าข้าอาจจะไม่มีทางหาหญ้าทะลวงสวรรค์ได้ในหุบเขาทะลวงนภา มิเช่นนั้นข้าคงหาทางออกไม่ได้"เมื่อชิงสุ่ยได้ยินคำกล่าวของตงเหยียนเขาก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย แม้ว่ามันจะเป็นสถานที่ที่อันตรายแต่อย่างน้อยมันก็มีโอกาส
"ถ้าน้องสามต้องการจะไปจริงๆ ก็ควรไปขอให้ใครสักคนหนึ่งไปพร้อมกับเจ้า อย่างน้อยจะได้ดูแลกันและกันและเพิ่มโอกาสที่จะสำเร็จให้สูงขึ้น"ตงเหยียนคิดและกล่าวออกมา
"อืมม ดูเหมือนมันจะเป็นสถานที่ที่อันตรายจริงๆแต่ข้าก็ยังคงคิดจะไปเช่นเดิม"ชิงสุ่ยไม่ได้คาดหวังเลยว่าตงเหยียนจะตอบแบบเดียวกับที่ชายชราแห่งวัดพุทธองค์ทองคำ ดูเหมือนว่าเขาจะต้องหาใครอีกสักคนเป็นเพื่อนร่วมเดินทางในครั้งนี้
"เอาละพวกเราก็ใกล้จะถึงเมืองแล้ว เดี๋ยวพี่ใหญ่จะแนะนำเจ้าให้รู้จักกับตระกูลหนึ่ง ตระกูลแห่งนี้มีความพิเศษและมักจะเดินทางไปยังหุบเขาทะลวงนภา ถ้าหากเจ้าเข้าร่วมกับพวกเขา ข้าเองก็คงสบายใจยิ่งขึ้น"ตงเหยียนดูเหมือนจะคิดก่อนที่จะกล่าวกับชิงสุ่ยอย่างจริงจัง
"ถ้าเช่นนั้น ข้าคงต้องขอบคุณพี่ใหญ่มาก"ชิงสุ่ยไม่เคยคาดหวังว่าตงเหยียนจะแนะนําตระกูลดังกล่าวให้เขา นี่เป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่น้อยเลย เขาอาจจะได้เดินทางสู่หุบเขาทะลวงนภาในไม่ช้า ตราบใดที่เขาสามารถตามหาหญ้าทะลวงสวรรค์ได้ โอกาสที่เขาจะผงาดทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก็มีมากยิ่งขึ้น…..
"พวกเราเป็นพี่น้องกัน อย่าได้พิธีรีตองเลย"ตงเหยียนยิ้มขณะกล่าวกับชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยยิ้มและพยักหน้า เขารู้สึกอบอุ่นอย่างยิ่ง มันเป็นความรู้สึกที่แสนผ่อนคลายทั้งๆที่เขาเดินทางไปยังต่างแดน
…………….
ในพื้นที่แล้งแค้น สุภาพสตรีในชุดผ้าไหมสีขาวกำลังจ้องมองท้องฟ้า ประกายแสงส่องสว่างบนใบหน้าที่งดงามของเธอ
"เฉินเอ๋อ เจ้ากำลังคิดถึงเขาอีกแล้ว"หญิงชราคนหนึ่งที่มีผมสีขาว ได้ผิวพรรณยังคงอ่อนเยาว์เดินเข้ามาหาเธอและกล่าวอย่างเบาๆ
"อาจารย์ ตอนนี้ข้าเองก็อยู่ระดับปราณนักบุญพิโรธขั้นปลายแล้ว เมื่อใดกันที่ข้าจะออกไปได้?"ติ๊เฉินต้องมองหญิงชราคนหนึ่งขณะเอ่ยถาม
"เฉินเอ๋อ ความสามารถในปัจจุบันของเจ้า แม้ว่าเจ้าจะกลับไปเจ้าก็คงไม่อาจช่วยอะไรเขาได้ หรือว่าเจ้าไม่ต้องการคอยช่วยเหลือเขาล่ะ? เจ้าควรรู้เอาไว้ว่าตลอดชีวิตนี้เขาจะต้องเป็นอยู่อย่างไร"หญิงชราจ้องมองติ๊เฉินพร้อมทั้งถอนหายใจ
"ท่านอาจารย์ แล้วข้าต้องฝึกฝนจนถึงระดับใดกันถึงจะสามารถช่วยเหลือเขาได้?"ติ๊เฉินเปล่าถามหญิงชรา
"ข้าไม่ได้บอกเจ้ามาก่อน แต่ข้าเป็นหนึ่งในคนที่มาจาก "ดินแดนแห่งดอกบัว""หญิงชรามองติ๊เฉินขณะกล่าว
"ดินแดนดอกบัว?"
"ถูกต้อง มีคนเพียงน้อยนิดเท่านั้นในโลก 9 มหาทวีปแห่งนี้รับรู้ถึงการดำรงอยู่ของมัน มันเป็น 1 ใน 3 ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าเองก็เป็นคนที่สืบเชื้อสายจากใครบางคนที่มาจากดินแดนแห่งดอกบัว และนี่ก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเจ้า"หญิงชราจ้องมองติ๊เฉินและกล่าวอย่างช้าๆ
ตอนนี้ติ๊เฉินเกิดอาการมึนงง ขณะที่เธอยังคงจ้องมองหญิงชราและกล่าวถามว่า "นี่มันคืออะไร?"
"กลับไปที่ดินแดนดอกบัวพร้อมกับค่าเพื่อเข้าร่วมการทดสอบที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ ด้วยโครงสร้างกระดูกของเจ้า ดูเหมือนว่าเจ้าจะสามารถบ่มเพาะเคล็ดวิชาที่แสนลึกลับของดินแดนดอกบัว และเมื่อเจ้าสามารถผ่านมันไปได้ มันจะทำให้ความสามารถของเจ้าทุกอย่างพัฒนาขึ้นและจะได้รับมรดกแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และจะทำให้เจ้าสามารถช่วยเหลือเขาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น"ชายชราจ้องมองติ๊เฉินขณะที่เธอกล่าวด้วยความจริงจัง
ติ๊เฉินมาที่นี่เป็นเวลานานมากแล้วและได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาการต่อสู้กับหญิงชรา ตลอดเวลาเธอไม่เคยขาดการช่วยเหลืออะไรเลยและเธอก็ได้ฝึกฝนวิชาการต่อสู้จนสำเร็จ แต่ใครจะไปคาดคิดได้ว่าเรื่องราวดินแดนแห่งดอกบัวจะปรากฏขึ้น
เธอรู้ดีว่าหญิงชราคนนี้ที่เธอเรียกว่าอาจารย์จะไม่มีวันทำร้ายเธอเพราะเธอนั้นพยายามทำดีกับติ๊เฉินมาโดยตลอด ความรู้สึกที่เธอมีให้หญิงชราผู้นี้เทียบเท่าได้กับสิ่งที่เธอมีต่อพ่อแม่ของเธอ เพราะหญิงชราคนนี้เอาชีวิตเข้าเสี่ยงเพื่อปกป้องติ๊เฉิน
"ท่านอาจารย์ ท่านต้องการให้ข้าทำเช่นนี้จริงๆหรือ?"ติ๊เฉินจ้องมองหญิงชราและถามเบาๆ
หญิงชราลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า
"ตกลง ข้าจะทำตามสิ่งที่ท่านบอก"ติ๊เฉินยิ้มและกล่าวกับหญิงชรา
แต่หัวใจของเธอนั้นยิ่งทรุดลง เธอไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุผลใดชักนำให้เธอทำเช่นนั้น
……………………………
ในช่วงไม่กี่อึดใจ สัตว์อสูรขนาดใหญ่หลายตัวได้ทะยานอยู่เหนือเมืองร้อยไมล์ หนึ่งในผู้นำนั่นก็คือ วิหคมายาสีมรกต ในขณะที่อีก 4 ตัว คือนกนางแอ่นพยัคฆ์สีขาว สุภาพสตรี 1 คนยืนอยู่บนวิหคมายา ในขณะที่สุภาพสตรีอีก 4 คน ยืนอยู่บนนกนางแอ่นพยัคฆ์ ทุกคนล้วนมีหน้าตาสะสวยและงดงามเหนือจินตนาการ
หญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนวิหคมายา เธอมีสิริโฉมที่งดงามและทรวดทรงที่สมบูรณ์แบบ
พวกเขาทะยานลงสู่พื้นหลังจากที่มาถึงใกล้ๆตระกูลอวี้ ในตอนนี้ผู้คนมากมายได้มารวมตัวกันที่ตระกูลอวี้ราวกับว่ากำลังจะมาดูคนผิดที่กำลังถูกพิพากษา อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นหญิงสาวผู้นี้ ทุกคนต่างตกตะลึงทั้งหมด
อวี้เหอ!!!
อวี้เหอได้จากสถานที่แห่งนี้ไปนานหลายปี เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้มันช่างต่างกันราวกับคนละคน
"ท่านปู่!!"
เมื่ออวี้เหอเห็นหน้าอวี้ ต่งห่าว เธอตะโกนออกมาแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาในทันที
"เจ้าเด็กโง่ เจ้ากลับมาแล้ว!!"ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสปรากฏขึ้นบนหน้าของอวี้ต่งห่าวผู้เป็นปู่ หลานสาวของเขาเติบโตขึ้นมาก
ผู้คนจากตระกูลอวี้ทั้งประหลาดใจและมีความสุข เพียงแค่เห็นสัตว์อสูร และกลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของอวี้เหอ ทำให้พวกเขาสามารถบอกได้ทันทีเลยว่าอวี้เหอในตอนนี้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก
อย่างไรก็ตาม ก็ย่อมมีบางคนที่รู้สึกไม่สบายใจ ในตอนนั้นผู้คนจำนวนมากไม่ได้ปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี อีกทั้งยังพักใสไล่ส่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะอวี้ต่งห่าวรักหลานสาวคนนี้ ป่านนี้เธอคงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลอวี้เลย
เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่อวี้เหอจะลืมลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เกิดขึ้นในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งความทรงจำที่เป็นความทุกข์ แต่เธอเลือกที่จะไม่พูดถึงมัน เธอไม่หวังว่าจะเปลี่ยนแปลงมันได้ บรรดาผู้ที่ก่อให้เกิดปัญหาของเธอล้วนเป็นญาติของเธอทั้งสิ้น เธอจึงไม่เคยคิดจัดการพวกเขา อย่างไรก็ตาม เธอเองก็ไม่อยากสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขาเช่นกัน เพราะมันไม่คุ้มค่า
บรรดาผู้ที่รักษาดูแลเธอเป็นอย่างดีในอดีตตอนที่เธอล้มลง คนเหล่านี้จะกลายเป็นคนที่แสนพิเศษสำหรับเธอ
"ตงหนิง ไปบอกให้หัวหน้าพ่อครัวจัดเตรียมอาหารรสเลิศโดยด่วน"อวี้ต่งห่าวหัวเราะยังมีความสุข
"ขอรับ ท่านอดีตผู้นำ" ชายวัยกลางคนยิ้มก่อนจะตอบกลับและรีบวิ่งออกไป
"แม่นางน้อย พวกเราขอไปพักที่โรงแรมใกล้ๆนี้"หญิงสาวโฉมงามกล่าวกับอวี้เหอ
อวี้เหอ ลังเลก่อนพยักหน้า มันไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของพวกเธอเลย ภายในเมืองร้อยไมล์รวมถึงมหาทวีปเมฆามรกตน้อยคนนักที่จะสามารถทำอะไรพวกเธอได้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
คำพิดเยอะนะคับ
ตอบลบ